Photo Source https://www.canva.com/photos/MAEJDHfb7GQ-home-interior/
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นสาเหตุให้หลายคนจะต้อง Work From Home อยู่ที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดและการแพร่เชื้อไวรัส แล็วก็คงยังตอบไม่ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะจบลงเมื่อไหร่
เมื่อเราจำเป็นจะต้องทำงานที่บ้าน หนึ่งในสิ่งที่สำคัญคือ การปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ แล้วทำทุกวิถีทางให้ประสิทธิภาพในการทำงานไม่ลดลงหรือไม่แตกต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศ วันนี้ผมเลยเอา 8 เทคนิคการจัดบ้านให้น่าอยู่ ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานให้ไม่น่าเบื่อ และช่วยลดความเครียดในการทำงานได้มาฝาก
Photo Source https://www.canva.com/photos/MADVfhg9u-U-modern-interior-design/
8 เทคนิคการจัดบ้านให้น่าอยู่ ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานให้ไม่น่าเบื่อ
1. เลือกห้องทำงานที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
การทำงานในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมากเพราะทำให้สมองโล่ง ปลอดโปร่ง ดังนั้นหากต้องทำงานที่บ้านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกห้องทำงานที่สามารถเปิดรับลมธรรมชาติได้ตลอดเวลา เพราะแม้จะมีเครื่องปรับอากาศแต่อากาศธรรมชาติก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิตของเรามาก ดังนั้นหากทำงานไปสักระยะหนึ่งอาจจะปิดแอร์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดพัดลม เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมธรรมชาติ เป็นการผ่อนคลายสมองและลดความตึงเครียดจากการทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดค่าไฟได้อีกด้วย
2. หลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะเตี้ย ๆ แล้วนั่งทำงานกับพื้น
การใช้โต๊ะเตี้ยในการทำงานทำนั่งท่าขัดให้คุณจำเป็นต้องสมาธิกับพื้นเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการปวดเข่า ปวดขา ปวดหลัง ส่งผลให้เกิดการหงุดหงิดระหว่างการทำงาน ทำให้คุณไม่สามารถทำงานต่อเนื่องได้เป็นเวลานานและเสียสมาธิในการทำงาน ที่สำคัญการนั่งท่านี้นาน ๆ ก็มีโอกาสทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะเตี้ย ๆ แล้วหันมาใช้โต๊ะทรงสูงจะดีกว่า
3. ไม่ควรทำงานและเลี้ยงสัตว์ในบริเวณเดียวกัน
หากบ้านใครที่เลี้ยงน้องแมว น้องหมา หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ขอแนะนำว่า ให้แยกโซนทำงานและโซนเลี้ยงสัตว์ออกจากกันดีกว่า เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าสัตว์ตัวน้อยที่คุณรัก อาจซุกซนและรบกวนคุณในเวลาทำงานได้ ซึ่งนั่นก็จะเป็นการลดประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความเครียดโดยไม่รู้ตัว และยังมีโอกาสทำให้คุณเอาความโกรธความหงุดหงิดไปลงกับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก แต่หากคุณเป็นคนที่รู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ทำงานไปด้วยมองเห็นสัตว์เลี้ยงไปด้วย แล้วไม่มีปัญหากับการรบกวนหรือเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะแทรกเข้ามาระหว่างทำงาน การมีเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
4. เลือกเก้าอี้ที่มีขนาดใหญ่นั่งสบาย
สิ่งหนึ่งที่แนะนำให้ลงทุนนั่นคือ เก้าอี้นั่งทำงาน นั่นเพราะตามปกติแล้วเก้าอี้ที่มีอยู่ในบ้านอาจไม่ใช่เก้าอี้ที่เหมาะกับการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้าตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อสะสมเป็นเวลานานก็อาจเกิดเป็นอาการปวดเรื้อรังหรือเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ เพราะฉะนั้นการใช้เก้าอี้แบบสำนักงานที่มีเบาะและพนักพิงเหมาะสมกับการทำงานเป็นเวลานาน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดความเสี่ยงที่ส่งผลต่อร่างกายที่สำคัญคือ ลดความเครียดที่เกิดจากความหงุดหงิดจากการปวดเมื่อยระหว่างวัน
Photo Source https://www.canva.com/photos/MADaFuz4pmw-metal-desk-and-mock-up-posters/
5. ใช้ห้องที่เงียบหรือเป็นมุมที่คุ้นเคยในการทำงาน
สิ่งสำคัญในการทำงานนั้นคือ สมาธิและความสบายใจในการทำงาน ดังนั้นจุดที่เหมาะกับการทำงานที่บ้านจึงควรเป็นจุดที่เงียบ มีสมาธิในการทำงาน ไม่ถูกรบกวนง่าย ๆ และควรจะเป็นมุมที่คุ้นเคย สบายใจที่จะนั่งเป็นเวลานาน อาจเป็นมุมโปรดต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนมารบกวน นอกจากนี้ยังควรหมั่นพักสายตาจากหน้าจอ ด้วยการเดินเล่นรอบห้องหรือเดินไปทำกิจกรรมอื่นในบ้านบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรม และลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานเป็นเวลานานติดต่อกัน
6. หาต้นไม้ขนาดเล็กตกแต่งบ้านหรือโต๊ะทำงาน
การมีต้นไม้เล็ก ๆ อย่างแคคตัสหรือกระบองเพชรตกแต่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหรือบริเวณใกล้ตัว เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก นั่นเพราะการทำงานเป็นเวลานานจะส่งผลต่อความเครียดในสมองอยู่แล้ว การได้มองต้นไม้หรือสิ่งที่เป็นธรรมชาติจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ยิ่งถ้าได้เป็นต้นไม้ที่คุณเลือกเองกับมือ ปลูกเองกับมือ จัดใส่ไว้ในกระถางที่คุณเลือกเองตามสไตล์ที่ชอบ ก็นับว่าเป็นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีมากเช่นกัน
7. การสร้างบรรยากาศในห้องให้มีกลิ่นหอมช่วยผ่อนคลาย
อีกหนึ่งวิธีในการสร้างบรรยากาศในห้องให้เหมาะแก่การทำงานและเพิ่มความสดชื่น นั่นคือการทำให้ห้องมีกลิ่นที่หอม โดยอาจใช้เป็นน้ำหอมปรับอากาศหรือฉีดน้ำหอมในห้องก็แล้วแต่ กลิ่นหอมในแบบที่คุณชอบจะช่วยให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย อารมณ์ด้านลบต่าง ๆ จะส่งผลน้อยลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคิด การสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างดี โดยกลิ่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าชอบกลิ่นแบบไหน ได้กลิ่นแบบไหนแล้วทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายมีสมาธิ ก็เลือกกลิ่นแบบนั้นมาใช้สร้างบรรยากาศในห้องได้เลย
ทั้ง 7 ข้อนี้คือ ไอเดียการแต่งบ้านในช่วง Work From Home เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น อยู่ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากเท่ากับหรือใกล้เคียงกับการทำงานในออฟฟิศ ที่สำคัญบางข้อยังสามารถนำไปปรับใช้ในที่ทำงานจริง ๆ ได้ เช่น การตกแต่งโต๊ะทำงานด้วยต้นแคคตัส เป็นต้น
ดังนั้นลองนำทั้ง 7 ข้อนี้ไปประยุกต์ใช้กับบ้านของคุณดูนะครับ แล้วเมื่อไหร่ที่เราสามารถกลับไปทำงานที่ออฟฟิศได้ก็สามารถนำบางข้อไปปรับใช้ต่อยอดกับที่ทำงานได้เช่นกัน รับรองจะมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเครียดความหงุดหงิดจากการทำงานได้เป็นอย่างดี